สำหรับคนไทยที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วซื้อขนมกินนั้นอาจจะไม่ทราบเลยว่ามีอะไรเขียนอยู่บนฉลากบ้าง…
สำหรับคนที่อ่านออกก็คงจะงง…ที่พลิกไปด้านหลังซองแล้วเจอคำว่า “วันหมดอร่อย”!!! ว่ามันคืออะไร? เขียนไว้ทำไม? แล้ววันหมดอายุหล่ะ? เขียนอยู่ตรงไหน? เพราะที่เมืองไทยนั้นมีแค่วันหมดอายุเท่านั้นเอง…
ที่ประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อนนั้น คำว่า 消費期限 กับ 賞味期限 มีความหมายว่า “วันหมดอายุ” เหมือนกัน!! ซึ่งจะเลือกใช้คำไหนนั้นก็สุดแล้วแต่ละบริษัท ปัญหานี้จึงทำให้เกิดการเคลมสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้บริโภคนั้นคาดเดาไม่ได้ว่าอันไหนเป็นวันหมดอายุจริงๆ ในสมัยนั้นจึงมีขนมที่ถูกทิ้งลงถังขยะมากมาย น่าเสียดายจริงๆ…
ในภายหลังจึงเกิดการกำหนดขึ้นมาใหม่ ให้คำทั้ง 2 มีความหมายต่างกันดังนี้…
消費期限 (Shohi-Kigen) คือวันหมดอายุ แต่วันหมดอายุของญี่ปุ่นนั้น ผู้ผลิตจะเขียนเผื่อเวลาไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ (วันที่เขียนไว้นั้น จะเป็นวันก่อนการหมดอายุจริงๆ 2 สัปดาห์) เพราะฉะนั้น เมื่อเลยวันหมดอายุมาแล้ว ก็ยังสามารถกินขนมชิ้นนั้นได้อยู่ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่ากล้ากินรึป่าว!! คำนี้ใช้กับพวกของสด ผัก เนื้อ นม ขนมปัง เบนโต เป็นต้น
賞味期限 (Shomi-Kigen) คือวันหมดอร่อย หมายความว่าเมื่อถึงวันที่กำหนดไว้ ขนมชิ้นนั้นจะไม่อร่อยเหมือนเดิม แต่ยังคงกินได้อยู่!! จะใช้กับของที่เก็บไว้ได้นาน เช่น ขนมถุง ของแห้ง บะหมี่กระป๋อง ดังนั้นต่อให้เลยวันที่ลงไปบ้างก็ยังสามารถบริโภคได้อยู่แต่รสชาติหรือคุณภาพอาจด้อยลงไป ซึ่งบางคนไม่รอให้ถึงวันหมดอายุ แต่ถ้าเลยวันหมดอร่อยแล้วละก็..จะทิ้งโดยปราศจากความเสียดายเลยทีเดียว
ครั้งต่อไปเวลาเลือกซื้อขนมที่ญี่ปุ่นแล้ว นอกจากวันหมดอายุก็อย่าลืมดูวันหมดอร่อยกันด้วย…
ที่มา http://anngle.org/th/j-culture/culture/shoumi-kigen.html